เมื่อรถไฟเปิดหวูดส่งสัญญาณ ล้อเหล็กเคลื่อนไปบนรางเหล็ก ผู้โดยสารบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะได้กลับมาที่สถานีเดิมอีกหรือไม่ เช่นเดียวกันกับผู้โดยสารบนรถไฟเที่ยวสุดท้ายจากพญาตองซู บางคนก้าวขึ้นรถไฟด้วยความขมขื่นระทม ขณะรถไฟเคลื่อนผ่านแต่ละสถานี เรื่องเล่ามากมายค่อยๆ ร้อยเรียงกันราวกับโบกี้ของรถไฟขบวนนั้น บ้างก็ว่าขบวนรถไฟนั้นมาเพื่อทำสงครามเพื่อการครอบครองดินแดน บ้างก็ว่าไม้หมอนรถไฟแต่ละชิ้นคือตัวแทนเชลยศึกผู้พ่ายแพ้สงคราม
มันเป็นความปวดร้าวอย่างเหลือคณานับ เมื่อรู้ว่าเราจะได้กลับบ้าน ด้วยการโดยสารรถไฟบนเส้นทางที่เราได้สร้างมันขึ้นมา เส้นทางที่สร้างด้วยร่างเพื่อนของเรา...ในวันที่เขาทอดร่างให้เราข้ามผ่าน เพื่อกลับคืนสู่แผ่นดินที่จากมา พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่มีโอกาสได้กลับ ไม้หมอนรถไฟเหล่านั้นคือตัวแทนเพื่อนของเรา กรรมกรผู้ทนทุกข์ทรมานเพื่อสร้างทางรถไฟ หากไม้หมอนเหล่านั้นงอกงามขึ้นมาเป็นต้นไม้ได้ เพื่อนของเราก็คงเลือกแล้วว่าเขาจะอยู่ที่นี่ แต่เปล่าเลย...
"รถไฟเที่ยวสุดท้ายจากพญาตองซู" จะนำพาผู้อ่านเข้าไปสำรวจบาดแผลและชะตากรรมเหล่านั้น ผ่านกระแสสำนึก ผ่านภาวะกึ่งจริงกึ่งฝันและผ่านชิ้นส่วนปากคำของเพื่อนมนุษย์ เพื่อปะติดปะต่อขึ้นเป็นมโนทัศน์ของโลกก่อนแหละหลัง